รีวิวการสอบเข้าภูมิสถาปัตย์ ลาดกระบัง

รีวิวสอบเข้า ภูมิสถาปัตย์ ลาดกระบัง ปี 61 รอบ PORTFOLIO 1/1

โดยเนื้อหาการสอบจะคล้ายกับการรับรอบโควต้าเรียนดีของปีก่อนๆ

เราจะมารีวิวให้ทุกคนที่สนใจได้มาอ่าน และเผื่อเป็นแนวทางในการสอบเข้าปีหน้าของน้องๆ tcas ต่อไป

มีการสอบ 2 รอบ!!

(สำหรับการรับเข้าของสถาปัตย์หลักกับภูมิสถาปัตย์จะใช้โจทย์และเกณฑ์เดียวกัน)

1) ยื่นพอร์ต

ทางคณะมีโจทย์มาให้ 5 ข้อ

- ทำไมถึงเลือกสาขานี้ ก็ตอบไปว่าอยากทำงานด้านพัฒนาสิ่งแวดล้อม อยากทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

- deline รูปถ่ายที่มี 3 องค์ประกอบ landscape+ perspective + ตัวเอง

- SKD ทำไมมหาลัยถึงต้องรับเรา (อันนี้ทำ character design ไป ผิดโจทย์ไปอี๊ก 5555)

- poster เพลง ไม่จำกัดเทคนิค

- ผลงานสร้างสรรค์ที่สุด งานเก่าหรือทำใหม่ก็ได้

เกณฑ์อื่นๆ เกรดรวม >= 3.00

อันนี้ถ้าไม่ใช่สายวิทย์-คณิต ต้องมีหน่วยกิตคณิตและวิทย์ตามที่คณะกำหนด

- ควรมีผลงานอื่นๆ เช่นวัดระดับภาษา หรือโครงงาน สอวน. ไปค่าย หรืออะไรก็ได้ที่คิดว่าเจ๋งต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจน (ไม่มีก็ได้ แต่คะแนส่วนนั้นจะหาย)

2) ประกาศผล portfolio

อันนี้เขาให้รอฟังประกาศหน้าเพจหลักสูตรสถฯ หรือในเว็บ reg ก็ได้ เขาจะแจ้งว่าต้องไปที่ไหนทำยังไงบ้าง

เมื่อติดแล้ว ต่อมาก็ไปรายงานตัวที่คณะ และเข้าร่วมกิจกรรม workshop เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน

อันนี้ต้องเตรียมอุปกรณ์ไปด้วย พวกปากกา ไม้บรรทัด ยางลบ ดินสอ บลาๆ แต่ไม่ต้องถึงขั้นเอาสีน้ำไปนะ พี่ๆเขามีสีโปสเตอร์เตรียมไว้ให้ เอาไปแค่ตัวกับหัวใจและตังในกระเป๋าก็พอ โดยแต่ละกิจกรรมก็จะมีสัดส่วนคะแนนที่ไม่เท่ากัน ใครอยากรู้ส่วนไหนยังไงสามารถดูในใบประกาศรับรอบแรกได้เลย

แล้ว workshop มันเป็นยังไง?

ตัว workshop จะมี 5 ฐาน แต่ละฐานก็จะมีไว้วัดความสามารถอะไรซักอย่างของเรา ต้องไปรอลุ้นกันเอง

3 ฐานเดี่ยว

- the core : ฐานนี้เกี่ยวกับ structure คือเขาจะให้โฟมเม็ดมา 1 ถุง ไม้จิ้มฟันไผ่ทอง 1 กล่อง กับโฟมแผ่นไว้เป็นฐานรองอีก 1 อัน โจทย์คือ ให้ต่อไม้จิ้มฟันให้สูงที่สุดที่เราทำได้ โดยความสูงจะเป็นคะแนนหลัก ส่วนคะแนนรองก็เป็น ความคงทน แข็งแรง รูปลักษณ์

ฐานนี้เราทำล้มไปทีหนึ่ง แล้วตอนนั้นเหลือเวลาแค่ 20 นาที ก็เลยเอา-ก้อนที่ล้มไปเสียบใหม่ 5555 ได้สูงเท่าคาง(ตอนนั่ง) แล้วก็หมดเวลาพอดี ตอนทำก็เมาไปมั่วไปช็อกไปเพราะมันวัดกึ๊นสุดๆอ่ะ อันนี้คะแนนน่าจะไม่เหวี่ยงมากเพราะในความคิดเราคนที่เขาติวมาก็คงช็อกเหมือนกัน  บางคนได้สูงเป็นเมตรๆก็มี แต่ได้เท่านี้ก็ภูมิใจตัวเองละ 5555

- the floor : ฐานนี้เป็นฐาน deline เขาต้องการดูว่าพื้นฐานที่เรามีนั้นเพียงพอกับเราเข้าไปต่อยอดในการเรียนหรือไม่โดยให้รูปมา 1 รูปแล้วทำการสเก็ตช์ลงไป ใช้หมึกหรือดินสอก็ได้ตามเทคนิคที่ตัวเองทำดีไลน์ในพอร์ตก่อนหน้านี้ และต้องใส่ act การใช้ประโยชน์ของสถานที่นั้นลงไปด้วย โหว มันส์เลยพะย่ะค่ะ ฐานนี้ดุเดือดมากจริงๆ เพราะก่อนหน้าที่จะเริ่มทำโจทย์ อ.ในห้องพูดขึ้นมาประมาณว่า 'งานที่ส่งมาก่อนหน้านี้ ถ้าใครไม่ได้ทำเอง ขอให้เก็บของแล้วเชิญเปิดประตูออกไปเลยครับ' ประเด็นคือ เราจะลุกไปแล้วไง เพราะด้วยความที่ไม่ได้ติวมา ก็กลัวว่าจะทำไม่สวยเท่าคนอื่น

แต่ตอนนั้นมันมีแรงฮึดขึ้นมาบางอย่าง เลยบอกกับตัวเองว่า 'เอ็งทำได้มาขนาดนี้แล้ว สู้ทำต่อไปดิ อย่าสนผลลัพธ์ แค่ทำทุกอย่างให้เต็มที่' เราก็เลยทำต่อจนเสร็จ แต่ไม่ได้ลงหมึก ส่วนคนก็วาดแบบลวกๆ แบบโอ้ยย กูไม่รอดละจ้า แค่สัดส่วนคนก็ผิดแล้ว T-T

- the window : ฐานนี้มีชื่อลับว่า 'English Only' เพราะอ.ประจำฐานใช้ภาษาอังกฤษทั้งคาบ! เออ เหมือนจะน่ากลัวนะ แต่เราจะบอกว่า ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ส่วนตัวคิดว่าภาษา+สำเนียงฟังค่อนข้างเข้าใจง่าย ใครที่ไม่เก่งอังกฤษอย่ากลัวไป ใช้เพื่อนข้างตัวให้เป็นประโยชน์ซะนะ 555555

หลักๆคือ อ.จะให้โฟมเม็ดหลากสีหลายขนาดมาให้ 1/3 แก้ว ไม้จิ้มฟัน 20 แท่งและกระดาษแข็ง 1 แผ่น (+กาวด้วย) โจทย์คือ how to communicate with the world (น่าจะประมาณนี้นะ ลืมไปแล้ว 5555) แล้วก็ให้เอาพวกโฟมกับไม้จิ้มฟันทำการละเลงลงบนกระดาษแข็งที่ให้มา เสร็จชั้น! งานระดับเด็กอนุบาลผงาดอีกครั้ง แฮ่ๆ และในกระดาษก็ต้องเขียนคำถามสำหรับตัวเอง และเขียนคำตอบลงไปด้วย

****ข้อแนะนำ****

ฐานนี้คือเรื่องการจัด composition

เราเคยอ่านรีวิวของพี่ปีก่อนๆมาว่า ฐานนี้ไม่ควรทำออกมาเป็นรูปๆ เช่นคิดถึงช้าง ก็ไม่ควรทำช้าง แต่ให้ทำอะไรที่สื่อถึงช้าง มันจะได้คะแนนดีกว่าการทำเป็นสิ่งๆนั้นเลย

2 ฐานรวม

- the foundation : ฐานนี้เป็นการสอบจ้า สอบแบบสอบจริงๆคือเป็นเรื่องพื้นฐานทางวิชาการ มีตั้งแต่การ บวกลยคูณหาร การตอบเชิงไหวพริบ การให้เหตุผล ของเรามีที่พีคๆคือให้เขียนชื่อจังหวัดในประเทศไทย พร้อมบอกที่ตั้ง อ้อ มีให้พับโอริกามิด้วย สำหรับฐานนี้กดดันที่สุด คือจบฐานแล้วแทบนั่งร้องไห้เลย เพราะเว้นว่างไว้เยอะ

- the facade : ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเปลือก แต่เป็นเปลือกที่ต้องกระเทาะออกมา ทิ้งเปลือกที่สร้างใส่กัน แล้วสร้างหน้ากากที่ทำให้คนอื่นเห็นถึงความเป็นตัวตนของเรา

สอบสัมภาษณ์โดนถามอะไรบ้าง?

สัมภาษณ์จะมีรอบเช้า และรอบบ่าย โดยการสัมภาษณ์จะแบ่งเป็นกลุ่มๆ คละกันสองหลักสูตร

และความเจ๋งอีกอย่างนึงก็คือ ต้องมีการแสดง! คนสอบรอบบ่ายจะต้องเตรียมการแสดงตอนเช้า และคนที่สอบตอนเช้าต้องมาเตรียมการแสดงบ่าย โดยจะเริ่มแสดงตอน 4 โมง(หลังจากสัมภาษณ์เสร็จหมดแล้ว)

และด้วยความที่เรายื่นแลนด์(ภูมิสถาปัตย์)ไป เลยโดนจับไปสอบที่เดียว 5 คน แถมยังมีสัมภาษณ์ถึง 3 พาร์ท!! (อันนี้เขาไม่ได้บอกก่อนนะว่าจะสอบยังไง เราสรุปให้ฟังเลยว่ามีอะไรบ้าง)

พอถึงเวลาสัมภาษณ์ก็เดินตะล่อกต๊อกแต๊กกันเข้าไป ตอนอยู่หน้าห้องเห็นแว้บๆแล้วว่ามีผ้าอะไรปูอยู่ ก็ไม่ไดเอ๊ะใจอะไร ก็เข้าใจว่าจะให้เรานั่งข้างล่างแล้วเหล่าอ.นั่งเก้าอี้กัน หึ เปล่าเลยจ้า พวกชั้นนั่งเก้าอี้กัน ส่วนเหล่าอ. .... โน้น อยู่บนเสื่อหมดเลยจ้า แล้วเสื่อที่ว่านี่ก็คือเสื่อวัด -เสื้อเหลืองๆแดงๆนั่นแหละแก จะอิ้นดีไปถึงไหนคะทุกโค้นนน

พาร์ทแรก

พอจัดแจงนั่งกันเสร็จ และแล้วก็ถึงเวลาโดนเชือด โดยอ.จะให้แนะนำตัวกันทีละคน แต่ละคนก็จะให้พรีเซ้นต์ the facade ของตัวเอง(คืน workshop โดนขู่ว่ามีคะแนนด้วย แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า(*''*) ) หลังจากนั้น เหล่าอ.จะไล่แฟ้มพอร์ตของแต่ละคน แล้วแต่ละคนก็จะโดนคำถามที่มีในพอร์ตตัวเอง เช่นว่า 'เคยไปแลกเปลี่ยนมาหรอ แล้วทำไมถึงไม่ต่อม.6เลย ซ้ำชั้นทำไม' 'คิดยังไงกับสถานที่ท่องเที่ยวอันนี้ๆของจังหวัดตัวเอง' หรือ 'ชอบฐานไหนมาที่สุด ให้เหตุผลประกอบด้วย'

พาร์ทสอง

หลังจากคุยกันพอเป็นน้ำจิ้ม ก็ถึงเวลาชำแหละซ้ำอีกครั้ง โดยทางเหล่าอ.จะให้โจทย์มา 1 อย่างของเราให้บล็อกไม้คนละขนาดมา แล้วให้ช่วยต่อกันให้ยาว 1 ม. อันนี้ก็ดูแววแต่ละคน รวมถึงเรื่องการมีส่วนร่วมด้วย

พาร์ทสาม

ให้นั่งควิซชื่อต้นไม้กัน โดยให้นั่งเรียงแล้วไล่ชื่อต้นไม้ไปเรื่อยๆ (อันนี้กลุ่มเราสัมภาษณ์ไม่ทันเพราะเป็นกลุ่มสุดท้ายด้วยมั้ง) จบงานก็ไปถามคนอื่นๆ หลายคนก็เครียดพอดู แต่ผ่านมาได้อย่างล้มลุกคลุกฝุ่น(?)

พอได้มานั่งรวมกับคนอื่นๆตอนรอการแสดง เลยสืบมาได้ว่าถาปัตย์หลัก ไม่ได้สอบ workshop ย่อยแบบแลนด์จ้า โดนแต่ถามตอบ บางคนก็โดนประมาณว่า 'คำหยาบที่สุดที่พูดในค่ายคืออะไร ให้ออกไปตะโกนข้างนอกห้อง' หรือ 'สอบเสร็จแล้วจะทำอะไร' แต่ละคำถามก็ฮาๆพีคๆทั้งนั้นตามสไตล์สถาปัตย์อ่ะ ตอนตอบคิดอะไรได้ก็ตอบไปเลย 55555

สรุปคือ คำถามก็กี่ยวกับตัวเรา ตั้งสติดีๆ และตอบตามที่ตัวเองคิด อย่าเฟค เพราะอ.เขาสัมฯมาเป็นพันๆคน เขารู้ทางเราหมดแหละ ตอบอะไรที่ใช่สำหรับตัวเองดีกว่า เขาแค่อยากวัดทัศนคติเราว่าทำงานร่วมกับผู้อื่นได้มั้ย เข้ามาจะอยู่ได้หรือเปล่า

****ข้อแนะนำ2****

อันนี้สำคัญมากคือ อย่าร้องไห้ เพราะการร้องไห้อาจจะทำให้เราโดนมองว่า ถ้าแค่นี้ยังจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แล้วต่อไป ถ้าเจอแรงกดดันที่มันหนักกว่านี้หลายเท่า จะแก้ปัญหาได้อย่างไร
แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะร้องก็ได้ แต่ต้องร้องแบบมีเหตุผล เพราะเคยมีรุ่นพี่ใส่ชุดไปรเวทมาสอบแล้วร้องไห้ในห้องสัมฯเพราะกลัวไม่ติด (แต่สุดท้ายแกก็ติด!)

การแสดงส่งท้าย

ส่วนนี้เปิดให้ผู้ปกครองเข้ามาร่วมชมได้ และการแสดงจะไม่ถูกคิดเป็นคะแนน จบการแสดงก็มีพูดปัจฉิมจากอ.นิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน

ปล. อยากให้ทุกคนท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า ทุกๆสิ่งที่เราทำ มันมีผลกับคะแนนทั้งสิ้นนะ

สุดท้ายนี้บอกตรงๆเลยว่า ในตอนแรกแต่ละคนอาจจะมาเพื่อแข่งขัน แต่ความคิดในตอนสุดท้ายของใครหลายคนคือ 'เราจะติดไปด้วยกัน'

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้เราติดแล้วค่ะ ติดแบบงงๆอีกรอบ 55555

แต่ก็ดีใจมากที่ได้มีโอกาสเข้าเรียนที่นี่

ขอบคุณเพื่อนๆที่นั่งคุยกับเรายันตี2 พี่ๆที่พาไปกินข้าวและเลี้ยงขนมกร๊อบแกร๊บ และอ.ทุกท่านที่ช่วยให้เรามาถึงจุดนี้ได้

ถึงแม้เราจะไม่ได้ติวอย่างเต็มที่เหมือนคนอื่นๆ เพราะว่าเราเพิ่งมารู้ใจตัวเองจริงๆก็เมื่อปลายเดือนมิถุนาปีที่แล้ว และเริ่มติวตั้งแต่กลางเดือนสิงหานี่เอง กับระยะเวลา 2 เดือนกว่าๆ (เรียนแค่ทุกเสาร์ เสาร์ละ 3 ชม. คนที่ติวอยู่หรือผ่านการติวแล้วน่าจะเดากันได้ว่ามันแทบจะไม่ไปไหนเลย 555555)

แต่สำหรับเรามันเป็นข้อพิสูจน์ว่า หากเรามีความตั้งใจจริงที่มากพอ มีคุณสมบัติที่เพียงพอกับที่อ.เขาต้องการก็สามารถสอบติดสถาปัตย์ได้ค่ะ

(แต่ใครที่มีโอกาสติวได้ แนะนำให้ติวค่ะ เพราะมันมีเทคนิคบางอย่างที่เรารู้เองไม่ได้ แต่พี่ติวสามารถสอนให้เราคิดได้อย่างมีระบบมากขึ้น ทำงานได้แม่นขึ้น และดีขึ้นกว่าเราติวเองค่ะ)

หวังว่าการรีวิวในครั้งนี้จะช่วยให้หลายๆคนมีกำลังใจในการติวสถาปัตย์ต่อไปนะคะ

ปล.คนไหนที่อยากขอคำปรึกษาสามารถถามในคอมเม้นต์ใต้โพสต์ได้เลยค่ะ ยินดีตอบทุกคำถาม : )